-----------------------------------------------------------------------
พุธ 12 ต.ค.2554--กลุ่มการแพทย์ :
ที่มา : INDUSTRY UPDATE : บมจ.หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส

กลุ่มการแพทย์ (HELTH)
น้ำหนักการลงทุน         เท่ากับตลาด
ดัชนีหมวดการแพทย์:       1,444.15
ดัชนีตลาดฯ :               944.8
แม้วิกฤติการณ์น้ำท่วมรุนแรง แต่คาดจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย
* ปัญหาน้ำท่วมรุนแรง ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของกิจการ

        แม้ขณะนี้เหตุการณ์น้ำท่วมจะมีความรุนแรงในหลายเขตพื้นที่ แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อกลุ่มธุรกิจร.พ.เอกชนที่ฝ่ายวิจัยดูแลอยู่ โดย BH ถือเป็นรพ. ที่มีความเสี่ยงจากผลกระทบของสถานการณ์น้ำท่วมน้อยสุด เพราะมีสาขาเดียวที่ตั้งอยู่ในกรุงทเพฯ และไม่ได้อยู่ในเขตที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่ออุทกภัย รองลงมาคือ KH ซึ่งมี ร.พ.ในเครือข่ายทั้งหมด 6 แห่ง โดยเป็น ร.พ.ในเขตกรุงเทพฯ 4 แห่ง และต่างจังหวัด 2 แห่ง คือ ร.พ.เกษมราษฎร์ ศรีบุรินทร์ (เชียงราย) และ ร.พ.เกษมราษฎร์ สระบุรี  ซึ่งแม้ จ.สระบุรี จะประสบกับปัญหาน้ำท่วม แต่ที่ตั้งของ ร.พ.เกษมราษฎร์ สระบุรี มิได้อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์น้ำท่วมมีความรุนแรงขึ้นและกระจายเป็นวงกว้าง อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ ร.พ.เกษมราษฎร์ สระบุรี ขณะที่ KH ในกรุงเทพ 4 แห่ง พบว่า มี 2 แห่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยง คือร.พ.เกษมราษฎร์ บางแค และ ร.พ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น  และท้ายสุดคือ BGH ซึ่งมี รพ.อยู่ในกรุงเทพฯ  ทั้งหมด   16  แห่ง และต่างจังหวัด 11 แห่ง เช่น ชลบุรี, พัทยา, นครราชสีมา, ฯลฯ โดยมีเพียงสาขาเดียวที่อยู่ในเขตจังหวัดน้ำท่วม คือ ร.พ.กรุงเทพ ราชสีมา ซึ่งสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ เพราะไม่อยู่ในบริเวณน้ำท่วม และหากสถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น ก็มีโอกาสสุญเสียรายได้และเกิดความเสียหายเช่นกัน ขณะที่ ร.พ. ในเครือข่ายของ BGH ในกรุงเทพที่อยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยง คือ ร.พ.สมิติเวช สุขุมวิท, ร.พ.พญาไท 1, ร.พ.พญาไท 2 และ ร.พ.เปาโล พหลโยธิน
* แม้มีความเสี่ยงน้ำท่วมกรุงเทพฯสูง แต่คาดจะกระทบเพียงเล็กน้อ

        จากที่กล่าวไปในข้างต้น เชื่อว่า BH จะเป็นรพ. เพียงแห่งเดียวที่ปลอดความเสี่ยงผลกระทบจากภัยพิบัติ ขณะที่ในกรณีเลวร้ายสุดหากเกิดเหตุการณ์ราว 2 เดือน พบว่า BGH จะสูญเสียรายได้ราว  7% ของรายได้รวมทั้งปี 2554 (มาจาก กรุงเทพ ราชสีมา 3%, สมิติเวช สุขุมวิท 15%, พญาไท 1,2 และ 3 ราว 20%, เปาโล พหลโยธิน 6%) ส่วนกลุ่ม KH จะสูญเสียรายได้ราว 8% ของรายได้รวมทั้งปี 2554 (มาจาก KH สระบุรี 5%, ประชาชื่น 30% และบางแค  16%)  อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกรุงเทพเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของไทย ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่าหากเกิดเหตุกาณ์น้ำท่วมจริง ภาครัฐจะต้องระดมสรรพกำลังเข้ากู้วิกฤตดังกล่าวได้ในช่วงเวลาระยะสั้นไม่เกิน 1 สัปดาห์ ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่ากลุ่มรพ.เอกชนจะได้รับผลกระทบจากนเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ไม่มากนัก ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการเดิม เพื่อรอประเมินสถานการณ์ผลกระทบที่จะติดตามมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพที่กำลังจะมาถึงในช่วงกลางเดือนนี้อีกครั้ง
* คงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" เลือก BH เป็น Top Pick

        ยังคงคำแนะนำ "เท่ากับตลาด" เนื่องจากในช่วง 3Q54 และ 4Q54 ยังอยู่ในช่วงฤดูกาลของกลุ่มรพ. บวกกับคาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับกลุ่มรพ.อย่างมีนัยสำคัญ โดยฝ่ายวิจัยเลือก BH (FV@B45.00) เป็น Top Pick เนื่องจากคาดว่า BH จะเป็นรพ. ที่ปลอดภัยจากผลกระทบของวิกฤตน้ำท่วมในครั้งนี้